TRIAM UDOM

OPEN HOUSE 2025

ย้อนกลับ

สายการเรียนภาษา-ภาษาเกาหลี

สมาชิก

40

IG : artskoreantu.official

FB : artskoreantu.official

การรับสมัคร

และการสอบเข้า

uploaded photo

ภาพกิจกรรมวันรับพระเกี้ยว

แผนการเรียนภาษา-ภาษาเกาหลี รับนักเรียนทั้งหมด 40 คน หรือ 1 ห้องเรียน การรับสมัครจะทำโดยสอบคัดเลือกทั่วไปจำนวน 35 คน และโควตาความสามารถพิเศษจำนวน 5 คน ไม่มีการรับนักเรียนประเภทโควตาจังหวัด คุณสมบัติทั่วไปของผู้สมัครคือ 1. สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หรือกำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในปีการศึกษา 2567 2. มีความประพฤติเรียบร้อย 3. เป็นโสด วิชาที่ใช้สอบสำหรับแผนการเรียนภาษา-ภาษา มี 3 วิชา คือ 1. วิชาภาษาอังกฤษ (ฉบับที่ 1 และ 2) 2. วิชาภาษาไทย (ฉบับที่ 1 และ 2) และ 3. วิชาสังคมศึกษา โดยจะแบ่งเป็นสอบภาคเช้า (วิชาภาษาอังกฤษฉบับที่ 2, วิชาภาษาไทยฉบับที่ 1 และวิชาสังคม) และภาคบ่าย (วิชาภาษาอังกฤษฉบับที่ 1 และวิชาภาษาไทยฉบับที่ 2) โดยการสอบคัดเลือกจะจัดขึ้นในวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2568 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี และจะคิดคะแนนเป็น T-Score โดยเรียงลำดับจากคะแนนสูงสุด 

วิชา /

หลักสูตรเพิ่มเติมที่เรียน

uploaded photo

ภาพกิจกรรมวันรับพระเกี้ยว

สายการเรียนภาษา-ภาษาเกาหลี ใน 1 เทอม จะเรียนทั้งหมด 17 หน่วยกิต โดยวิชาที่จะได้เรียนเพิ่มเติม คือ วิชาภาษาเกาหลีทั้งหมด 8 คาบต่อสัปดาห์ หรือคิดเป็น 4 หน่วยกิต โดยจะแยกเป็นวิชาภาษาเกาหลีหลัก และวิชาภาษาเกาหลีฟัง-พูด โดยวิชาภาษาเกาหลีหลัก จะได้เรียน 6 คาบต่อสัปดาห์ (3 หน่วยกิต) และเกาหลีฟัง-พูด 2 คาบต่อสัปดาห์ (1 หน่วยกิต) วิชาเกาหลีหลักจะสอนโดนคุณครูคนไทย 5 คาบ และสอนโดยคุณครูเจ้าของภาษาอีก 1 คาบ โดยในคาบ เราจะได้เรียนตั้งแต่ตัวอักษร วิธีการอ่านออกเสียง การสะกดคำ คำศัพท์ ไวยากรณ์ เรื่องน่ารู้ต่าง ๆ รวมไปถึงบทสนทนาในชีวิตประจำวัน หรือเรียกได้ว่าเริ่มเรียนตั้งแต่เบื้องต้นเลย โดยคุณครูจะให้เราฝึกฟัง และลองพูดสนทนากับเพื่อน ซึ่งทำให้มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนมากขึ้น รวมถึงได้ฝึกภาษาไปในตัว และในคาบเกาหลีฟัง-พูดจะสอนโดยคุณครูคนไทย โดยเน้นไปที่การฟังการสนทนาเป็นส่วนใหญ่ ส่วนไวยากรณ์จะมีความยากขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเกาหลีหลัก และตอนสอบก็จะเป็นการสอบนอกตาราง โดยเน้นไปที่พาร์ทการฟัง เนื่องจากเป็นสายการเรียนภาษา ดังนั้นวิชาภาษาอังกฤษก็จะเรียนทั้งหมด 6 คาบต่อสัปดาห์ โดยจะแบ่งเป็นอังกฤษหลัก (1 หน่วยกิต) อังกฤษอ่าน-เขียน (1.5 หน่วยกิต) และสำหรับสายศิลป์ที่เพิ่มมาก็จะเป็นมีอังกฤษฟัง-พูด (0.5 หน่วยกิต) โดยจะสอนโดยทั้งคุณครูคนไทยและคุณครูต่างชาติ รวมทั้งสายศิลป์ ก็จะมีวิชาเพิ่มเติมที่ได้เรียน เช่น วิชาประวัติวรรณคดี วิชาสารนิเทศ และวิชาพรรณพืชกับคุณภาพชีวิต

ความน่าสนใจ

ของสายการเรียน

uploaded photo

ภาพกิจกรรมวันรับน้อง

ในปัจจุบันภาษาเกาหลีมีคนให้ความสนใจเยอะขึ้นมาก ๆ เนื่องจากมี K-pop, K-drama, อาหาร, วัฒนธรรม ฯลฯ ที่มีชื่อเสียง การที่ได้เข้ามาเรียนในสายศิลป์เกาหลี ก็จะได้เจอเพื่อน ๆ ที่มีความสนใจเกี่ยวประเทศเกาหลีที่คล้ายคลึงกัน และได้ลองทำอะไรหลาย ๆ อย่างที่เกี่ยวกับประเทศเกาหลี เช่น ทำอาหารเกาหลี เต้น Cover รวมถึงได้เรียนรู้ภาษาเกาหลีกับคุณครูคนไทยและคุณครูเจ้าของภาษาจริง ๆ ซึ่งคุณครูทุกท่านก็ใจดีมาก ๆ ด้วยความชอบที่คล้ายคลึงกัน และจำนวนสมาชิกที่ไม่เยอะ ทำให้บรรยากาศการเรียนมีความเป็นกันเอง เพื่อน ๆ ทุกคนสนิทกัน และทำอะไรต่าง ๆ ด้วยกันได้อย่างลงตัว รวมถึงศิลป์เกาหลีก็มีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย เช่น ในงาน International week ก็มีโอกาสได้ทำการแสดงที่เกี่ยวกับเกาหลี ขายอาหารเกาหลี, มีกิจกรรมสานสัมพันธ์กับรุ่นพี่รุ่นน้องในสาย ก็คือการรับน้อง และการเล่นสายรหัส ซึ่งมีความสนุกและเป็นความทรงจำที่ดีมาก ๆ รวมถึงคุณครูก็จะมีพาไปแข่งกิจกรรมเกี่ยวกับภาษาเกาหลีนอกโรงเรียน นอกจากนี้ก็ยังมีกิจกรรมไปศึกษาภาษาและวัฒนธรรมที่ประเทศเกาหลีอีกด้วย

หมายเหตุ : กิจกรรมไปศึกษาภาษาและวัฒนธรรมที่เกาหลีมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

รีวิวจากรุ่นพี่

profile photo

พี่เรานัก

เตรียมอุดม 84

IG : rra0nak

- รีวิวสามปีในศิลป์เกาหลี

ถ้าจะพูดให้ถูกสำหรับ TU84 แบบเราน่าจะเป็น 2 ปีที่ได้ใช้ชีวิตจริง ๆ มากกว่าเพราะช่วง ม.4 เป็นออนไลน์เกือบทั้งปีเนื่องจากสถานการณ์โควิด พอเปิดเทอมมา ม.5 สำหรับเราคิดว่าเป็นปีที่ยากที่สุดแต่ก็สนุกที่สุดเช่นกันค่ะ เนื้อหาในห้องเรียนในแต่ละวิชาเริ่มเข้มข้นขึ้น ในขณะเดียวกันกิจกรรมจากทุกสารทิศก็ประทังเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทั้งพวกชมรมหรืองานแข่งขันวิชาการต่าง ๆ ยิ่งช่วงกีฬาสีคือทุกคนวิ่งงานกันเยอะมาก เรามองว่ามันเป็นปีที่เปิดโอกาสให้เราค้นหาตัวเอง ได้รู้จักโตและฝึกความรับผิดชอบในการบริหารจัดการเวลา เป็นปีที่เรียนสุดเล่นสุดจริง ๆ ค่ะ และในปีสุดท้ายแน่นอนว่าการมีส่วนร่วมในโรงเรียนจะน้อยลงเพราะต้องเตรียมตัวเข้ามหาลัย แต่ก็มีกิจกรรมบางอย่างของสายที่เพิ่งกลับมาในปีนั้นเช่นงาน International Week ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่ได้ร่วมงานกับน้อง ๆ แล้วก็คุณครูในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ความจริงมันอยู่ที่ตัวเราเองแหละว่าจะเลือกเข้าร่วมงานมากน้อยแค่ไหน เหมือนรุ่นเรามีคนได้ไปแข่งสุนทรพจน์ที่เกาหลีตอน ม.6 ก็มี เพราะฉะนั้น 3 ปีในศิลป์เกาหลีจะเป็นยังไงทุกคนเลือกออกแบบเองได้เสมอเลยค่ะ


- สังคมในศิลป์เกาหลี

เป็นสังคมที่อบอุ่นมาก เนื่องจากทั้งสายชั้นมีอยู่ห้องเดียว ทั้งโรงเรียนมีอยู่สามห้อง ส่วนใหญ่ก็น่าจะรู้หน้าคร่าตากันหมด เพื่อนในห้องก็อยู่กันไปยาว ๆ ตั้งแต่ ม.4 ถึง ม.6 เลยค่ะ คนส่วนใหญ่ในห้องก็จะชอบอะไรคล้าย ๆ กัน เช่น เกาหลี 55555 ส่วนเรื่องนิสัยใจคอ จากประสบการณ์ส่วนตัวเพื่อนในห้องและคุณครูดีกับเรามาก ๆ เราไปแลกเปลี่ยนมาทำให้ตามเนื้อหาได้ช้ากว่าคนอื่นแต่ทั้งเพื่อนและคุณครูไม่เคยกดดันเราเลยและยังคอยให้ความช่วยเหลือตลอดสองปีด้วยค่ะ อีกอย่างคือทุกคนเก่งกันมาก ๆ การอยู่ท่ามกลางคนเก่งทำให้เราได้พัฒนาตัวเอง รุ่นเราไม่ค่อยมีสายซุ่ม ส่วนใหญ่จะช่วยกันเรียนช่วยกันติวมาตลอด


- เรียนเหนื่อยไหม

ตอน ม.4 เป็นพื้นฐานแถมรุ่นเราออนไลน์ด้วยเลยไม่เท่าไหร่ต่อให้ไม่มีพื้นฐานมาก่อนก็ตามทันแน่นอน แต่ ม.5 นี่แหละของจริง ไวยากรณ์ส่วนใหญ่เริ่มเป็นระดับกลาง แต่ถ้าตั้งใจเรียนในห้องก็ไม่ยากเกินความสามารถแน่นอนค่ะ แล้วก็ ม.5 จะเหนื่อยพูดกับเหนื่อยเล่นละครภาษาเกาหลี ส่วนม.6 จะเหนื่อยอ่านกับเขียน เราจะได้เรียนวิชาการเขียนภาษาเกาหลีเพิ่มเข้ามาซึ่งแอบท้าทาย เราว่าเรื่องความยากไม่ใช่ปัญหาเพราะสุดท้ายทุกคนก็จะปรับตัวได้ ปัญหาคือการเรียนเกาหลีทุกวันมากกว่าที่ทำเอาหลายคนเบื่อจนเลิกเป็นติ่งเกาหลีไปเลยก็มี แต่สำหรับใครที่ชอบก็จะฟินมากกก


- กิจกรรมที่ประทับใจ ver. ศิลป์เกาหลี

ในฐานะศิลป์เกาหลี 05 อาจจะไม่ได้มีข้อมูลมากนัก อย่างที่บอกไปข้างต้นว่ารุ่นเราเรียนออนไลน์ตอน ม.4 กิจกรรมส่วนใหญ่ช่วงนั้นจะเป็นออนไลน์ทั้งหมด พอได้ไปโรงเรียนตอน ม.5 กิจกรรมหลาย ๆ อย่างก็ยังไม่เข้าที่เข้าทางทำให้ศิลป์เกาหลีรุ่นเราไม่ได้จัดหรือไม่ได้เข้าร่วม พอขึ้นม.6 ก็ต้องแยกย้ายอ่านหนังสือกันอีก แต่มีกิจกรรมนึงที่รุ่นเรามีโอกาสได้จัดแล้วยังตราตรึงอยู่ในใจจนทุกวันคืองานรับน้อง 85 นั่นเอง เป็นกิจกรรมที่ทำให้ศิลป์เกา 84 สนิทกันมากขึ้นเพราะเป็นงานแรกที่ทำร่วมกับแบบออนไซต์ จำได้ว่ามีการแบกต้นกล้วยไปสันโต้ด้วย ถ้าน้อง ๆ เข้ามาศิลป์เกาหลีไม่ต้องกลัวว่าเราจะสันแพ้ใครเลยค่ะ เรามันลูกพระยานาหมื่นเหมือนกัน!


- กิจกรรมที่ประทับใจ ver. เรานัก

เตรียมอุดมเป็นโรงเรียนที่เปิดโอกาสให้เราได้ลองทำกิจกรรมหลากหลาย มีกิจกรรมจัดอยู่ตลอดทั้งปีการศึกษา ส่วนตัวเราเป็นเด็กกิจกรรมอยู่แล้วชีวิตในเตรียมเลยจะอยู่นอกห้องเรียนมากกว่าในห้อง โดยเฉพาะช่วง ม.5 ที่มีโอกาสได้มีส่วนร่วมในการจัดงานรับน้องในสายการเรียน ได้รับคัดเลือกเป็นผู้นำเชียร์ตึก ได้ทำละครเวทีชมรมนิเทศศิลปซึ่งแสดงในงาน Open House และได้เป็นนักแสดงของชมรม TUSF เราประทับใจทุกกิจกรรมในปีนั้นเลยค่ะ เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน ด้วยความที่สายศิลป์เกาหลีไม่ได้เรียนหนักมากทำให้เด็กกิจกรรมแบบเราได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่โดยไม่กระทบการเรียน รู้สึกคิดถูกมาก ๆ เลยค่ะที่เลือกศิลป์เกาหลี

- รีวิวสามปีในศิลป์เกาหลี

เราบอกเลยว่าเป็นสามปีที่ดีและคุ้มค่ามากจริง ๆ มีครบทุกอารมณ์ สนุก มีความสุข เครียด เศร้า ผสมรวมกันได้อย่างลงตัว เป็นสามปีที่เราได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ ได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ได้มีเพื่อน พี่ น้องที่น่ารัก ได้รู้จักคำว่าชีวิตมัธยมที่ฝันไว้จริง ๆ ความคาดหวังของมัธยมของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน แต่สำหรับเรา การที่ได้มีเพื่อน พี่ น้องดี ๆ มีครูที่รับฟังและคอยให้คำปรึกษาทั้งในเรื่องเรียน กิจกรรม และชีวิตประจำวัน ได้เรียนวิชาที่เราชอบ มีกิจกรรมที่ทำให้เราค้นพบตัวเอง ก็เป็นความสุขของเราแล้ว


- สังคมในศิลป์เกาหลี

อันนี้เป็นอะไรที่เกินกว่าที่เราคาดหวังไว้มาก ในส่วนของเพื่อน ๆ ตอนแรกที่เราติดมาเราไม่มีเพื่อนที่รู้จักมาเลย เราคิดแค่ว่ามีเพื่อน 2-3 ในกลุ่ม เราก็ดีใจแล้ว แต่พอได้เจอทุกคนในสายจริง ๆ ทุกคนน่ารักมากกก เราสามารถคุยได้กับทุกคนจริง ๆ อาจจะเพราะแพชชันและความชอบในการเข้าศิลป์เกาหลีที่เหมือน ๆ กัน ทำให้เราจูนติดกันได้ง่าย ทุกคนพร้อมช่วยกันเรียน ช่วยกันทำงานจริง ๆ ในส่วนของคุณครู คุณครูในสายทุกคนจะได้สอนเราตั้งแต่ ม.4-ม.6 เลย ทำให้มีความสนิทสนมกัน รู้จักและคอยดูแลเราทุกคนตั้งแต่เริ่ม คุณครูทุกคนน่ารักมาก มีปัญหาไม่ว่าเรื่องอะไรสามารถเข้าไปคุยได้หมด และมีคำแนะนำดี ๆ ให้เราเสมอ


- เรียนเหนื่อยไหม

ก็เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปากเช่นกันว่าเหนื่อย การเรียนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนตั้งใจเรียนในห้อง บางคนตั้งใจอ่านช่วง Sum หรือ Final และทุกคนก็มีวิชาที่ถนัดและไม่ถนัดต่างกันไป อย่างเรา เราตั้งใจเรียนในห้องมากกว่าเพราะไม่อยากให้ไปหนักช่วงสอบ และวิชาที่มีเรียนก็ไม่ได้ขัดกับความชอบหรือความถนัดเราขนาดนั้น เราว่าการเรียนในเตรียมอุดมไม่ได้เหนื่อยมาก อาจจะไปเหนื่อยที่กิจกรรมมากกว่า แต่สิ่งที่ต้องทำคือบาลานซ์การเรียนและกิจกรรมที่เราอยากทำให้ได้


- กิจกรรมที่ประทับใจ

คำตอบหนีไม่พ้น Triam Udom Open House จริง ๆ เราประทับใจกิจกรรมนี้ที่สุด เพราะเป็นกิจกรรมแรกที่ ม.4 ได้รับผิดชอบแบบเต็มตัว และเราได้รับหน้าที่ให้เป็นประธาน Open House ของศิลป์เกาหลี เราได้เริ่มทำงานตั้งแต่ 0 จนถึง 100 ด้วยกันกับเพื่อน ๆ ได้ประสานงานกับองค์กรอื่น ๆ และสายการเรียนอื่น ๆ ในโรงเรียน ได้รู้จักเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่ตอนนั้นมาทำกิจกรรมกับเรา ได้รู้ Potential ของเพื่อน ๆ ในสายว่าถนัดอะไรไม่ถนัดอะไร ทุกคนช่วยกันคิดช่วยกันทำจนทำให้งาน Open House ปีนั้นออกมาดีมากในความคิดของเรา เรียกได้ว่าเป็นงานที่ทำให้เรารู้ความสามารถของเรา และความสามารถของคนอื่น ทำให้การทำงานในอนาคตง่ายและราบรื่นได้มากยิ่งขึ้น


ทุกคนรู้แบบนี้แล้วอย่าลืมมา Triam Udom Open House 2025 กันเยอะ ๆ นะ น้อง ๆ ศิลป์เกาหลี TU87 ตั้งใจทำงานกันมาก ๆ หวังว่าทั้งข้อความของเราและการมา Open House ของทุกคนในปีนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนมีกำลังใจในการอ่านหนังสือสอบเข้าเตรียมน้า TU88 파이팅!

profile photo

พี่ณิชา

เตรียมอุดม 85

IG : nicha_n_am

profile photo

พี่ไนซ

เตรียมอุดม 86

IG : nnicccce

- รีวิวสามปีในศิลป์เกาหลี

ชีวิตในปีแรกของการได้เข้ามาอยู่สายศิลป์เกาหลีในเตรียมอุดมรู้สึกเปิดโลกมาก ๆ เราได้เจอเพื่อนใหม่ ๆ สังคมใหม่ ๆ ทั้งในสายและนอกสาย แต่เพื่อนในสายการเรียนถือว่าเป็น comfort zone ของเรามาก ๆ ด้วยความที่มีกันอยู่ 1 ห้อง เราเลยรู้สึกดีมากที่ได้อยู่กันแบบอบอุ่น 555 เราได้มีโอกาสได้เป็นประธานสายการเรียนในปีการศึกษา 2567 มันเป็นโอกาสดี ๆ ของเรามาก เวลามีกิจกรรมอะไรทุกคนก็เต็มที่กันมาก ๆ ถึงจะมีเหนื่อยบ้าง แต่ทุกคนก็ยังฮึดสู้กันต่อเสมอ ถึงแม้สายการเรียนเราจะมีคนน้อย แต่ทุกคนช่วยกันเติมเต็มจนงานออกมาดีมาก ๆ ทุกครั้งเลย ในส่วนของการเรียนทุกคนก็ช่วยกันตลอด เช่นช่วงใกล้สอบ ใครถนัดวิชาไหนก็ช่วยติววิชานั้นให้เพื่อนคนอื่น ๆ สลับกันไป ทำให้เรารู้สึกว่าบรรยากาศในห้องมันดีมาก ๆ เนื่องจากตอนนี้เรายังอยู่เตรียมมาเพิ่งเข้าปีที่ 2 เลยยังบอกปีสุดท้ายในสายการเรียนไม่ได้ แต่เราคิดว่าคงหาเพื่อนที่มองตาก็รู้ใจแบบนี้จากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว การได้อยู่ศิลป์เกาหลีที่นี่จะเป็นบรรยากาศที่เราจะไม่มีวันลืมเลย


- สังคมในศิลป์เกาหลี

ถือว่าเป็นสังคมที่รวมตัวคนที่มีความชอบคล้าย ๆ กัน มันเลยทำให้เราคุยกันได้ง่ายมาก คุณครูก็ใจดี ทุกคนน่ารักกันมาก ๆ ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง แล้วก็เพื่อน คุยกันทีไรต้องมีเกินหนึ่งยิ้ม เวลามีงานรวมตัวหลายรุ่นอยู่ด้วยกัน มันทำให้เรารู้สึกอบอุ่นอยู่ตลอดเลย เป็นภาพที่น่ารักมาก ๆ หรือเป็นเพราะเรามีจำนวนคนน้อยกว่าสายอื่น ๆ เลยอาจจะเป็นเหตุผลที่คุยกันแบบทั่วถึงได้ง่าย 5555 อย่างเช่นเวลามีใครแข่งกีฬา หรือมีโชว์วันกีฬาสี โชว์ของชมรม เพื่อน ๆ ในสายพากันไปเชียร์เป็นกลุ่มกันตลอด ขอยกให้เป็นสายการเรียนที่น่ารักที่สุดในเตรียมเลย


- เรียนเหนื่อยไหม

สำหรับเราการเรียนในห้องไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้น แต่อาจจะมีเหนื่อยบ้างในวันมาเรียน เพราะเหนื่อยจากการไปทำกิจกรรม เลยมีเวลาพักผ่อนน้อย หลาย ๆ วิชาคุณครูก็สอนดี เล่าเรื่องหรืออธิบายเข้าใจง่าย แต่สำหรับการเรียนภาษาเกาหลี ด้วยความที่เรามีพื้นฐานมาก่อน ส่วนตัวเราเลยรู้สึกว่าภาษาเกาหลีไม่ยาก แต่ถึงไม่มีพื้นฐานมาก่อนก็เรียนได้ เพราะคุณครูใจดีมาก สงสัยตรงไหนถามได้ตลอด บรรยากาศการเรียนภาษาเกาหลีในห้องก็แฮปปี้มาก


- กิจกรรมที่ประทับใจ

เรามีกิจกรรมที่ประทับใจหลายกิจกรรมมาก ๆ ที่ได้ทำในเตรียมอุดม เช่นตอน ม.4 เรามีโอกาสได้เป็นคัลเลอร์การ์ดสีแดง เป็นโอกาสดี ๆ ครั้งหนึ่งในชีวิตเราเลยที่ได้ควงธงวันกีฬาสี ได้โชว์ต่อหน้าคนเยอะมาก ๆ และที่สำคัญมันเป็นกิจกรรมที่ทำให้เราได้มีกลุ่มเพื่อนนอกสายการเรียนที่สนิทกันมาก ๆ อีกกลุ่มนึงเลย และอีกงานที่จะเป็นความประทับใจของเราไปตลอด คือการที่เราได้มีโอกาสเข้ารอบไปแข่งพูดสุนทรพจน์ภาษาเกาหลี ได้ไปเรียนรู้วัฒนธรรมที่เกาหลี แถมได้รางวัล 대상 กลับมา เป็นงานที่เราไม่เคยคิดว่าเราจะทำได้มาก่อน ทำให้เรารู้สึกมั่นใจในภาษาเกาหลีขึ้นเยอะมาก ๆ และมันจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีเพื่อน ๆ ในทีมและคุณครูที่คอยดูแลพวกเรามาตลอด รักมาก ๆ และกิจกรรมโปรดอันดับต้น ๆ ของเราในเตรียมคืองาน TU Music Live ด้วยความที่เราเป็นคนชอบฟังเพลงมาก ๆ งานนี้เหมือนเราได้ดูคอนเสิร์ตใหญ่ ๆ งานนึงเลย มีเพลงหลายแนว มีเพลงที่ทุกคนร้องตามได้ แถมได้ร้องเพลงกับเพื่อน ๆ อีก เป็นงานที่เรามีความสุขมาก ทำให้เรารู้สึกคุ้มแล้วที่สอบเตรียมติด อะไรแบบนี้เลย