วาทศิลป์
130
IG : watasilptu
FB : ชมรมวาทศิลป์เตรียมอุดมฯ
ชมรมนี้
ทำอะไร
พื้นที่พัฒนาและต่อยอดความสามารถด้านการพูดของชมรม
ชมรมวาทศิลป์ของเราจัดกิจกรรมให้สมาชิกได้เรียนรู้การพูดในทุกด้าน และมุ่งสร้างประสบการณ์มากกว่าการพูดเป็น ผ่าน 4 สายการพูด ได้แก่ พิธีกร สุนทรพจน์ โต้วาที และดีเจ ซึ่งในคาบชมรมก็จะได้เรียนรู้การพูดที่น่าสนใจของทั้ง 4 สาย ที่แฝงไปด้วยวาทศิลป์ลีลาหลากเอกลัษณ์ ทั้งการใช้ภาษา อักขรวิธี โน้มน้าว นำเสนอ ฯลฯ นอกจากนี้ยังจะได้ฝึกฝนการพูดผ่านพื้นที่แสดงความสามารถตลอดปีการศึกษาทั้งในและนอกคาบ ไม่ว่าจะเป็นค่ายปฐมบทวาทศิลป์, การแข่งขันต่าง ๆ เช่น อ่านฟังเสียง สุนทรพจน์วันแม่ โต้วาทีเวทีวาทะ ดีเจในสวน เล่าข่าว ที่สำคัญเรายังมีรุ่นพี่มากประสบการณ์ที่คอยมาให้ความรู้ผ่านการเวิร์กช็อปและทัศนศึกษาตามสถานีโทรทัศน์ให้คนในชมรมได้เข้าร่วมอีกด้วย
สิ่งที่ได้รับ
จากการเข้าชมรม
ส่วนหนึ่งจากการเข้าร่วมกิจกรรมชมรม (งานวันแม่แห่งชาติ)
ชมรมวาทศิลป์เป็นชมรมที่ช่วยพัฒนาทักษะในด้านการพูดของให้สมาชิกได้ก้าวกระโดดขึ้นในทุก ๆ ด้าน ทำให้เรามีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ได้พบกับประสบการณ์ที่หลายหลาย ได้โอกาสในการเรียนรู้การทำงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ไม่ว่าจะจากการเข้าร่วมกิจกรรมหรือในฐานะผู้จัดกิจกรรม และที่สำคัญที่สุด คือ ได้มิตรภาพและกลุ่มเพื่อนสนิทที่จะหาจากที่ไหนไม่ได้อีก เหมือนกับคำกล่าวของชมรมที่ว่า "ชมรมวาทศิลป์ คือ ชมรมที่ให้คุณมากกว่าคำว่าพูดเป็น" จริง ๆ
ผลงาน
ของชมรม
กิจกรรมและผลงานของชมรมในปีการศึกษาล่าสุด
ชมรมของเราจัดกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการประกวดสุนทรพจน์วันแม่แห่งชาติ การประกวดอ่านฟังเสียง การแข่งขันโต้วาทีเวทีวาทะ การประกวดดีเจในสวน การประกวดเล่าข่าว ซึ่งกิจกรรมต่าง ๆ ชมรมเราก็เปิดโอกาสให้กับนักเรียนทุกคนในโรงเรียนได้เข้าร่วม และยังมีอีกหนึ่งงานใหญ่ของชมรมก็คือ การจัดกิจกรรมวันแม่แห่งชาติ ซึ่งสมาชิกในชมรมก็จะได้ใช้ทักษะในการพูด เพื่อประสานงานในส่วนต่าง ๆ กับทั้งคนในชมรมเองและองค์กรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และกิจกรรมที่พิเศษมาก ๆ สำหรับสมาชิกในชมรมเราก็คือ กิจกรรมทัศนศึกษา หลาย ๆ คนอาจจะงงว่า วาทศิลป์จะไปทัศนศึกษายังไง บอกเลยว่าในแต่ละปีชมรมเราได้พาสมาชิกในชมรมไปทัศนศึกษาที่สถานีวิทยุโทรทัศน์เลยแหละ (แต่ละปีอาจจะได้ไปคนละที่กัน) อย่างปีที่ผ่านมาเราได้ไปสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมที่ดีมาก ๆ เพราะเราได้ไปเห็นการทำงานของพี่ ๆ ในช่องสามทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ได้เห็นการทำงานของพี่ ๆ นักข่าวแบบสด ๆ เลย ถือว่าได้รับประสบการณ์ที่ดีมากจากการไปทัศนศึกษาครั้งนี้เลย
รีวิวจากรุ่นพี่
เฟิร์น
เตรียมอุดม 87
IG : fern.plathong
สวัสดีนะ ๆ เราชื่อเฟิร์น เป็นสมาชิกชมรมวาทศิลป์ รุ่นที่ 87 ซึ่งแน่นอนว่าชมรมวาทศิลป์เป็นชมรมแรกในรั้วเตรียมอุดมฯ ของเราเลย ถ้าถามว่าทำไมเราถึงเลือกมาสมัครเข้าชมรมนี้ เหตุผลคงหนีไม่พ้นกับการได้ยินวลีเด็ดที่ว่า ”ชมรมวาทศิลป์ ชมรมที่ให้คุณมากกว่าคำว่าพูดเป็น” ครั้งแรกที่ได้ยินเราก็อดสงสัยไม่ได้เลยจริง ๆ ว่าชมรม “วาทศิลป์” ซึ่งชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเกี่ยวกับการพูด จะสามารถมอบอะไรอื่นให้เราได้บ้าง และเราก็ได้รับคำตอบหลังจากได้เป็นส่วนหนึ่งของชมรมวาทศิลป์นี้ ต้องบอกว่า ชมรมนี้เหมือนเป็นจุดรวมตัวของนักพูดแห่งเตรียมอุดมฯ ทุกคนมีสไตล์การพูดที่แตกต่างกัน ซึ่งนั้นคือ เอกลักษณ์ของแต่ละคน มันเปิดโลกเรามากตอนที่ได้ตระหนักว่า รูปแบบการพูดที่ดีไม่มีอย่างตายตัว ทุกคนมีเสน่ห์เป็นของตัวเอง และเราก็ได้ค้นพบเอกลักษณ์ของตนเองผ่านการทำกิจกรรมของชมรม อย่างการเข้าฐานการพูดทั้งสี่สาย คือ พิธีกร โต้วาที ดีเจ และสุนทรพจน์ที่เปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้รูปแบบการพูดแบบต่าง ๆ และได้ค้นหาจุดเด่นของตนเอง นอกจากนี้การได้ร่วมกิจกรรมไม่ว่าจะเป็น Speech Freshy, การจัดงานวันแม่ และพิธีกรในกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียน ต่างมอบทั้งความทรงจำและประสบการณ์ให้เรา พร้อมกับมิตรภาพจากเพื่อนในชมรม ที่ทำให้เราได้เห็นว่า ทุกคนนำเสนอความเป็นตัวเองผ่านน้ำเสียง ท่าทาง และเรื่องราวที่ โดยเฉพาะรุ่นพี่ในชมรมที่ได้ต่างเป็นแรงบันดาลใจให้เราพัฒนาทักษะการพูดของตนเอง ที่สำคัญเราได้เรียนรู้ว่า วาทศิลป์ไม่ได้หมายถึงการพูดเพียงอย่างเดียว แต่คือ ”ศิลปะ” ของการพูด ศิลปะที่ไม่มีผิดไม่มีถูก ศิลปะที่สวยงาม ศิลปะที่รังสรรค์โดยศิลปิน ศิลปินที่คุณก็สามารถเป็นได้ เพียงแค่เป็นตัวของตัวเองและพกความมั่นใจ เพื่อมาเป็นหนึ่งในชมรมวาทศิลป์ของเรา
เชื่อไหม ? “วาทศิลป์” คือ จุดเริ่มต้นชีวิตในเตรียมอุดมฯ ของเรา เป็นจุดเริ่มต้นของมิตรภาพ จุดเริ่มต้นในการก้าวข้ามผ่านความกลัว และจุดเริ่มต้นในการกล้าเป็นตัวเอง …
ตลอดระยะเวลาที่เราอยู่ในชมรมนี้มา 3 ปี เรารู้สึกว่า ใช้ชีวิตทุกวันได้อย่างคุ้มค่ามาก ชมรมของเรามีกิจกรรมเยอะมาก ๆ มีทัศนศึกษาชมรมด้วย ปีเราได้ไปช่อง 3 ได้ออกทีวีด้วยนะ เป็นประสบการณ์ที่พิเศษมาก ๆ แต่ละกิจกรรมในชมรม นอกจากจะทำให้เราได้พัฒนาตัวเองในด้านการพูดและพัฒนาทักษะการใช้ภาษามากขึ้น ยังทำให้สมาชิกในชมรมสนิทกันอีกด้วย เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ เราในเตรียม 70 % ก็มาจากชมรมวาทศิลป์นี่แหละ สําหรับเราวาทศิลป์ไม่ได้เป็นแค่ชมรม แต่วาทศิลป์เปรียบเสมือน ครอบครัว ครอบครัวของคนที่มีใจรักในการพูดและเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ (มาก) ถ้าพวกวาทศิลป์ได้มาอ่านอยากจะบอกว่า เค้ารักทุกคนมาก ๆ เลย
เราเป็นแค่เด็กมัธยมปลายธรรมดา ๆ คนนึงที่ชอบพูด (ไปเรื่อย) ใครจะไปคิดว่าวันนึงเราจะได้มีโอกาสทำกิจกรรมในสายการพูดเยอะมาก ๆ ต้องขอบคุณชมรมวาทศิลป์ที่ไม่สอนเพียงให้เรา 'พูดได้' แต่สอนให้เรา 'พูดเป็น' เราเชื่อเสมอว่า พลังแห่งการสื่อสาร เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะการสื่อสาร คือ รากฐานของมนุษย์ ยิ่งถ้าเรามีวาทศิลป์ในการสื่อสารบอกเลยว่า คุณสามารถทำได้ทุกอย่างที่คุณอยากทําเลย ตอนนี้ทุกคนพร้อมจะมาเป็นครอบครัววาทศิลป์กับพวกเราแล้วหรือยัง ส่วนเราพร้อมแล้วที่จะได้เจอสมาชิกครอบครัววาทศิลป์ของเรารุ่นต่อไป ไว้เจอกันในชมรมน้า xoxo
นีนนี่
เตรียมอุดม 85
IG : nynnynnynnynnynnyn
เฟิ้ด
เตรียมอุดม 86
IG : napat_ffirst
“มาลองออวาทศิลป์สิ” — ประโยคสั้น ๆ จากรุ่นพี่ชมรมที่เรารู้จักตั้งแต่ติดเตรียมฯ แรก ๆ กับชื่อชมรมที่ดูไม่คุ้นหูคุ้นตามาก่อน แต่ก็เป็นประโยคสั้น ๆ เดียวกัน ที่ทำให้ชีวิตในเตรียมฯ ของเราสมบูรณ์มากขนาดนี้. .
สวัสดีครับทุกคน เราเฟิ้ด TU86 ศิลป์ฝรั่งเศสนะครับ ก่อนอื่นต้องบอกทุกคนก่อนว่า เราเป็นคนที่ชอบในการพูดมาตั้งแต่เด็กแล้ว อาจจะเป็นเพราะมีโอกาสได้ทำพิธีกรโรงเรียนและเคยแข่งพูดสมัยประถมมาบ้าง เลยทำให้คุ้นชินและชอบในการได้พูดให้ใครได้ฟัง แต่พอขึ้น ม.ต้น ก็ไม่ค่อยได้แข่งพูดสักเท่าไหร่แล้วก็หายไปจาการพูดนานเลย แต่พอเข้าเตรียมฯ มาแล้ว ก็ได้รู้จักกับรุ่นพี่ในชมรมที่ทำให้เราได้รู้ว่า เห้ย เตรียมฯ ก็มีชมรมการพูดด้วยนะ และทำให้ passion ในการพูดของเราที่เคยมีมาก่อนแล้วเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งถ้าสารภาพตามตรง อันที่จริงเราก็อยากลองเปลี่ยนแนวบ้าง เพราะรู้สึกว่าไหน ๆ ก็ติดเตรียมฯ แล้ว อยากทำอย่างอื่นนอกจากการพูดบ้าง แต่มันก็คงเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้สำหรับเราแหละ 55 เพราะสุดท้ายเราก็กรอกฟอร์มมา audition และก็ได้เลือกยืนยันสิทธิ์ในสิ่งที่ชอบมาตลอดอย่างการพูดกับชมรมวาทศิลป์
ตลอดระยะเวลาที่เราอยู่ในชมรม ซึ่งปีนี้ก็เข้าปีที่ 2 แล้ว สิ่งนึงที่เรายังรู้สึกเสมอ คือ “ถ้าเด็กเตรียมฯ ทุกคนจะมีพื้นที่พิเศษที่ตัวเองชอบสักที่ในเตรียมฯ เราว่า บรรยากาศคาบชมรมในห้องโสตฯ ตึก 9 ก็คงเป็นสถานที่ที่เราชอบทุกครั้ง” เพราะนอกเหนือจากการพูดที่เราได้รับและฝึกฝนตลอดในคาบจากพี่ ๆ ที่เก่งและมากประสบการณ์ รวมถึงความสนุก บรรยากาศอบอุ่นที่พี่ ๆ คอยให้ในทุกคาบแล้ว ชมรมยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้ทำตามความฝันของตัวเองมาโดยตลอด เรายังจำได้เลยว่าคาบแรก มีพี่ ๆ มาประชาสัมพันธ์รับสมัครพิธีกรในงานตอบปัญหาแฟนพันธุ์แท้สุนทรภู่ เราก็ลังเลไม่แน่ใจว่า เราจะยังทำพิธีกรได้หรือเปล่า จะผ่านไหม แต่ก็คงเพราะสิ่งที่เคยสะสมมาบ้าง และความเอ็นดูจากพี่ ๆ ก็ทำให้ได้รับโอกาสทำพิธีกร ”งานแรก” ในเตรียมฯ ของเราในครั้งนั้น ซึ่งพอมีงานนี้แล้วมันเหมือนเป็นก้าวเล็ก ๆ ก้าวแรกที่จุดประกายความเป็นตัวของเรากลับมาอีกครั้ง เหมือนกับว่า การที่เราได้กลับไปทำสิ่งที่เราชอบในครั้งนั้น มันก็ทำให้เรารู้ว่า การพูดยังเป็นสิ่งนึงที่เรารักและอยากพัฒนาตัวเองในทุก ๆ โอกาสต่อจากนี้อีก และก็เพราะรุ่นพี่ในชมรมหลาย ๆ คนที่น่ารักและรักคอยซัพพอร์ตเรา ก็ทำให้เราได้ลอง audition การพูดอะไรหลาย ๆ อย่าง ที่ให้ประสบการณ์ที่สุดจะเกินคุ้มกับเรา เช่น ตำแหน่ง Speech Freshy รุ่นที่ 21 ที่เปรียบเสมือนประตูบานแรกในเตรียมฯ ของเราที่ทำให้เรารักและอยากพัฒนาตัวเองขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งโอกาสนี้ก็คงจะเกิดไม่ได้เลยถ้าเราไม่มีวาทศิลป์ในวันนั้น และโดยตลอดมา เราก็ใช้ความสนใจและความชอบในการพูดผ่านการทำพิธีกรหลาย ๆ งาน และยังได้ฝึกการพูดในหลายแนวนอกจากพิธีกรผ่านการแข่งขันที่ชมรมจัดหลายอย่าง เช่น การประกวดสุนทรพจน์วันแม่, ประกวดเล่าข่าว และโต้วาทีเวทีวาทะ (หรือโต้ตึก) ซึ่งแอบบอกเล็ก ๆ ว่า บางงานเราไม่รู้จักและไม่เคยมีประสบการณ์แข่งก่อนด้วย แต่ก็เพราะชมรมจะมีการจัดเวิร์กช็อปจากรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์ด้านนั้นให้เราก่อน และพอได้ทำลงไปแล้ว มันก็ยิ่งทำให้เราเหมือนได้พบสิ่งที่เราชอบไปเรื่อย ๆ อย่างการโต้วาทีที่เราไม่เคยรู้จักมาเลยตลอดทั้งชีวิต แต่ก็เพราะโอกาสที่เราได้ลองในเวที "โต้ตึก" ของชมรม ก็ทำให้เรารู้ว่าการโต้เป็นการพูดที่มีเสน่ห์และดึงดูดต่อตัวเรามาก และก็เพราะความชอบจากการโต้ครั้งนั้น เราก็ได้ใช้ความสนใจนี้ในการลงสนามแข่งขันโต้มาเรื่อย ๆ ซึ่งได้พัฒนาความสามารถของเราให้เติบโตไปอีกจนได้รับรางวัลในแต่ละสนาม อาจจะเล็กบ้างใหญ่บ้าง แต่ทุกรางวัลก็หล่อหลอมให้เราเป็นเรารักในการโต้จนถึงทุกวันนี้ และพอเราขึ้น ม.5 เราก็ลงสมัครในตำแหน่งประธานชมรม และได้รับเลือกเป็นประธานชมรม (ซึ่งยังอยู่ในหน้าที่จนถึงตอนนี้ด้วย 555) ซึ่งพอเปลี่ยนบทบาทมาอยู่ในฐานะคนที่คอยดูแลภาพรวมและจัดกิจกรรมแล้ว เรายิ่งเห็นอะไรหลายอย่างที่ชมรมทำมากกว่าการได้อยู่เบื้องหน้าหรือเป็นน้องชมรมเหมือนปีที่ผ่านมามาก ๆ เราได้สนุก เหนื่อย ยิ้ม หัวเราะ ทุกอารมณ์และรสชาติชีวิตที่เกิดขึ้นจากการทำงานในทุกโอกาสของชมรม ได้มีเพื่อนที่สนิทและเพื่อนที่ดีมาก ๆ หลาย ๆ คนเข้ามาในชีวิต และที่สำคัญ คือ การได้เห็น passion และความมุ่งมั่นของทุกคนในงานแข่งขันหรือกิจกรรมที่ชมรมจัดแต่ละครั้งมาตลอด ซึ่งถ้าทุกคนอ่านมาถึงตรงนี้ ก็อาจคิดว่าเราพิมพ์ซะเกินจริงไปหรือเปล่าหรือรักชมรมเกินไปไหม ? ซึ่งคำตอบของคำถามนี้ เราคงจะตอบตรง ๆ ไปเลยไม่ได้ นอกจากจะให้ทุกคนได้ลองมาสัมผัสประสบการณ์นี้เหมือนกับเรา แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะสามารถตอบได้อย่างมั่นใจ คือ สำหรับเรา "วาทศิลป์" ไม่ใช่เพียงคาบชมรมชั่วโมงนึง ไม่ใช่เพียงการนั่งฟัง ไม่ใช่แค่การร่วมกิจกรรม และไม่ใช่เพียงคาบที่เข้าให้จบไป แต่เพราะ วาทศิลป์ คือ จุดเริ่มต้นและเป็นบันไดก้าวสำคัญก้าวหนึ่งของเราในเตรียมฯ ที่หลอมรวมให้เราเติบโตขึ้น จนเป็นเราที่ได้รักในการพูด และทำให้ชีวิตในเตรียมของเราพิเศษมากขนาดนี้ ซึ่งเราก็เชื่อว่าวาทศิลป์จะเป็นบันไดก้าวเล็ก ๆ หรือพื้นที่พิเศษในหัวใจสักห้องให้กับทุกคนได้แน่นอน ท้ายที่สุดนี้เพื่อไม่ให้รีวิวนี้เยิ่นเย้อจนเกินไป หากคุณ คือ ใครสักคนที่มีความฝัน มีความกล้า มีความสนใจ ไม่ว่าจะเพราะชอบในการพูด หรืออยากลองหาประสบการณ์ เพียงคุณกล้าที่จะมั่นใจและกล้าที่จะเรียนรู้ ชมรมวาทศิลป์ของเราก็ยินดีและพร้อมจะพาคุณเข้าสู่ห้องพิเศษห้องหนึ่งในห้วงเวลาหนึ่งของเตรียมฯ ที่จะทำให้คุณได้เรียนรู้ รู้จัก และรักในการพูดรวมถึงตัวของคุณในแบบที่คุณอยากเป็น และก็คงไม่เกินจริงกับคำกล่าวของชมรมที่ว่า ชมรมวาทศิลป์ ชมรมที่ให้คุณมากกว่าคำว่าพูดเป็น !